http://www.srichinda.com
    
 ศรีจินดาหน้าหลัก  มีข่าวดีมาบอก  วิธีชำระเงิน  ศรีจินดาChat room  วิธีสั่งซื้อ-จัดส่ง  Awards : รางวัล แผนที่-ติดต่อศรีจินดา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
Menu
ศรีจินดาหน้าหลัก
มีข่าวดีมาบอก
วิธีชำระเงิน
ติดต่อศรีจินดา
วิธีสั่งซื้อ-จัดส่ง
ศรีจินดาChat room
หมวดหมู่สินค้า
สินค้ามาใหม่
สินค้าขายดี
 สินค้า
 สินค้าไทย ( Thai )
 สินค้าทิเบตและAsia
 สินค้าเทวรูป-ฮินดู
 หินมงคลแห่งรัก
 อุปกรณ์บูชาอื่นๆ
รู้เรื่อง : ฮินดูเทพ
รู้เรื่องพระพิฆเนศ
ย้อนรอยรุ่นดัง
สถานที่แห่งศรัทธา
พระราชพิธีและพิธีสำคัญทางศาสนา
 

@@@---หลวงปู่หงษ์ " เกจิอาจารย์ สายใต้ แห่งเมืองสุรินทร์ "---@@@

(อ่าน 20825/ ตอบ 0)

Nok_Srichinda (Member)

หลวงปู่หงษ์ " เกจิอาจารย์ สายใต้ แห่งเมืองสุรินทร์ "




 


อัตชีวประวัติ เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูเวทิตาต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนาหว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณรด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงของวัยรุ่นอารมณ์ร้อนซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงได้ตัดสินใจว่าจะบวชให้แค่เพียง 7 วัน ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า “สามเณรพรหมศร” ลุมาได้ 3 วัน ขณะทีนั่งบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามใหญ่ ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิดสามเณรพรหมศรกล่าวว่า “ฉันพึ่งบวชได้ไม่ถึงวันยังเทศน์ไม่เป็นหรอก ชายหญิงผู้แปลกหน้าทั้งหลายต่างให้คำแนะนำว่า “ “ท่านเจ้าคะท่านเทศน์ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านทดลองว่า นะโม 3 จบ ประเดี๋ยวท่านก็จะเทศน์ได้เองนั่นแหละ” สามเณรพรหมศรนั่งนิ่งแลสงสัยว่าบุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร ? มาจากไหน ? อยู่ ๆ ก็มาขอให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ เราก็ว่าได้ จึงได้ว่า นะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่อง ที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมืออมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทางปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้” ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปีพระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาประดุจพรหม เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปรัยัติธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่เป็นพระผู้มีความวิรยะสูงจดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละ แม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้วิชาความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปชฌาย์จาริกธุดงควัตร ตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่นป่าช้า เป็นที่เจริญจิตภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆารวาสก็ดีเป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พนมเปญ กัมพูชาสืบไป เมื่อธุดงค์ข้ามเขาเข้าเขตกัมพูชา อันเป็นที่ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนแห่งอาณาจักรขอมถิ่นอาถรรพ์ เป็นที่รวมแห่งศาสตร์ไสยเวทย์มนตรารุ่งเรืองนัก คงเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหนุนนำ พาให้ได้พบกับครูบาอาจารย์เก่า เมื่อพบเห็นแล้วทุกครูอาจารย์ต่างพึงพอใจในพระภิกษุหงส์พรหมปัญโญผู้สันโดษอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ได้บังเกิดความเมตตาประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทย์มนต์แลคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครองแคล้วคลาดกันอาวุธ ปืน หอก ดาบ ธนูหน้าไม้เขี้ยวงา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบต่างหายไป แม้นบ้าใบ้จิตหลอนก็อ่อนโยน จนลุเลยข้ามดงสู่จังหวัดสารพัดไต่เขาและภูผา อาศัยหุบเขาข้างห้วยเอนกายา ตกค่ำภาวนาตลอดไปยามสองจิตผ่องใส บังเกิดธรรมบันดาลพาพบไป กับพระอาจารย์ใหญ่องค์เทพเทวาได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงจารเสกปากกา อุปเท่มีคุณมากนักหนากว่าพันประการ ประทานเสร็จสอนจบครบตำราพระพรหมปัญโญให้ปิติทั้งศรัทธา ตั้งจิตกราบครูบาแล้วเงยหน้าขอชมบารมีทันที่ที่ลืมตาได้รูปท่านอาจารย์ใหญ่ก็จางหายทันที พระพรหมปัญโญสุดที่จะเสียดายเพราะมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณแก่ท่านผู้การุณประสาทวิชา ครั้นล่องไพรในพนากลางป่าใหญ่ อัศจรรย์ใจเป็นหนักหนาเห็นเด็กร่างดำใหญ่ดุจศิลา พลางผลักทักทายมาแต่ใด กุมารดินล้มหงายหลัง แล้วตั้งตรงทดลองใหม่ผลักล้มมาด้านหน้า ทดลองถึงสองครั้งให้ระอาจึงแสดงกายาสูงใหญ่ได้ห้าเมตร แสดงเสร็จให้เกิดศรัทธาแล้วสั่งสอนถึงวิธีการสร้างกุมารทองให้ถูกต้องตามตำราฉบับครู ครั้นธุดงค์ผ่านเขาพนาไพร นานอยู่ได้เกือบขวบปีแวะผ่านที่หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู” ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลาย ๆ สิ่งที่มิอาจลืมเลือนได้จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับ ประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลาแล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาทั้งหลสายนั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่า ยอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจซักถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ ! เพราะพ่อเฒ่า ต่างเล่าให้ฟังว่า”หลานเอ๋ย ! ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเพวกเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจัดกระจายปี้ป่นไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลกตาเองก็ไม่เคยเห็นว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโมมันตกบนหลังคาหญ้าแฝกแปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมากลับกลิ้งคลุก ๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ ! ปรากฏว่าลูกระเบิดจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย ! มันไม่ระเบิด” เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจนหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่ พวกตา และชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อมาชุบชีวิตให้ใหม่” ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดนบนหลังของวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพเจ้าของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกผ่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณ และโทษของการไม่มีป่าได้ไม่มีน้ำจะ เกิดความเดือดร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข


**************************************************************











 


พระพิฆเนศ รุ่นบังเกิดทรัพย์ มูลนิธิสิรินธร พิธีมงคลพิเษกโดยพระเกจิซื่อดังภาคอีสาน หลวงปู่หงส์, หลวงปู่ผาด, หลวงปู่คีย์, หลวงพ่อปึก ด้านหน้า ประติมากรรมองค์พระพิฆเนศ พระหัตถ์ถือจักรศาตราวุธอันทรงพลัง เป็นสัญลักษณ์แห่งความแคล้วคลาดปลอดภัย, บาศะหรือบ่วงบาศหมายถึง กับดักแห่งกิเลสตัณหาและความชั่วร้ายต่างๆ , ขนมโมทกะ คือก้อนขนมหมายถึง ความสุข ความสำเร็จ สมบูรณืในชีวิต ด้านหลัง เวทยันตร์แห่งจักรวาล สถูปิกะ สัญลักษณ์แห่งมณฑลจักรวาล จุดกำเนิดอันทรงพลังแห่งสรรพสิ่ง, โอม อักขระเทวนาคีอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายยังความปรารถนาให้สำเร็จ และเป็นเครื่องชี้นำแห่งปรีชาญาณ, ดอกบัว 16 กลีบ แทนความหมายสัญลักษณ์แห่งเทพยดาบนสรวงสวรรค์ทั้ง 16 ชั้นฟ้า ที่จะคอยปกปักรักษาอำนวยพรให้บังเกิดความเจริญรุ่งเรือง, Star Of david หรือสนามแห่งพลังงานสัญยลักษณ์แห่งการจำลองจักรวาลอันทรงพลัง



Lock Reply
 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 07/07/2008
ปรับปรุง 30/03/2023
สถิติผู้เข้าชม5,344,022
Page Views6,873,049
สินค้าทั้งหมด 309
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
1-Surin-News
ไปรษณีย์ไทยEMS
Dictionary-Thai-English
รวยด้วย Ebay
ข่าวสดออนไลน์
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สลากกินแบ่งรัฐบาล
Igetweb
Tarad.com
PaySbuy
Web-ClipVedeo
เพื่อนบ้านทั้งหมด
 ศรีจินดาหน้าหลัก  ศรีจินดาพาธรรม  ศรีจินดาWebboard  ศรีจินดาพาทัวร์  วิธีชำระเงิน  วิธีสั่งซื้อ-จัดส่ง  ติดต่อศรีจินดา
view