ที่มา   ปัจจุบัน พราหมณ์แจ้งท่านอายุ 99 ปี

ถึงวันนี้ ยังมีคนมากมายรวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เดินทางมานครศรีธรรมราช บ้างก็มาเพื่อนมัสการองค์พระบรมธาตุเจดีย์ สักการะรูปปั้นองค์ท้าวจตุคามรามเทพ บ้างก็มาศึกษา มาเช่าบูชา

และส่วนหนึ่ง มาทำพิธีจัดสร้าง

ส่วนหนึ่ง ซึ่งสำคัญในกระบวนการจัดสร้าง...ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงขั้นตอนสุดท้าย คือพราหมณ์

พราหมณ์แจ้ง พรหมชาติ พราหมณ์แห่งกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ที่ชาวนครฯ เรียกว่า...หลวงพราหมณ์แจ้ง แห่งลุ่มน้ำปากพนัง นับถือกันว่า เป็นสุดยอดแห่งพราหมณ์ในการประกอบพิธีจัดสร้างองค์จตุคามรามเทพ

พราหมณ์แจ้ง อายุมาก 94 ปี แต่สุขภาพยังแข็งแรง สติปัญญายังแจ่มใสไม่หลงเลือน เพิ่งเดินทางกลับจากการไปประกอบพิธีที่ประเทศมาเลเซีย และกำลังทำพิธีอยู่ที่ลานวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช

พราหมณ์แจ้งเจียดเวลาที่ว่างจากพิธี เล่าให้สกู๊ปหน้า 1 ฟังว่า ต้นตระกูลของท่านเป็นพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี สืบสายต่อกันมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

แต่ที่สามารถสืบค้นบันทึกเป็นหลักฐานได้แน่ชัด นับได้จากพราหมณ์ทวด ขุนพรหมชาติราชครู พราหมณ์ในวังหลวงสมัยรัชกาลที่ 4

“พราหมณ์ทวด ของฉันนี่แหละเป็นต้นกำเนิดและเป็นผู้เขียนหนังสือพรหมชาติ”

จากพราหมณ์ทวด ก็ถึงพราหมณ์ปู่ ชื่อขุนพรหมชฏาพรหมชาติ รับช่วงต่อเป็นพราหมณ์วังหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อเนื่องถึงสมัยรัชกาลที่ 6

มาถึงสมัยรัชกาลที่ 7 พราหมณ์พ่อ ชื่อขุนวิษณุเทวราช ทำหน้าที่พราหมณ์ ประจำราชสำนัก

พราหมณ์แจ้ง สืบเชื้อสายเจริญรอยตามพราหมณ์พ่อ ทำหน้าที่พราหมณ์ กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เมื่อปี 2495 ต่อจากพราหมณ์บิดา

ในกองพระราชพิธีจะมีคณะพราหมณ์พิธีจำนวน 11 คน มีหน้าที่ประกอบพระราชพิธีของสำนักพระราชวัง มาจนถึงปัจจุบัน โดยระหว่างที่ทำหน้าที่อยู่ในสำนักพระราชวัง

พราหมณ์แจ้ง ผ่านพระราชพิธี และพิธีสำคัญมากมาย

พิธีแรกนาขวัญ พระราชพิธีสถาปนาองค์มกุฎราชกุมาร พระราชพิธี ขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

เนื่องจากอายุมากขึ้น ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดในอำเภอปากพนัง แต่โดยหน้าที่ ก็ยังคงเป็นพราหมณ์ประจำกองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง เนื่องจากการเป็นพราหมณ์ ไม่มีการเกษียณ

พราหมณ์แจ้งมีลูก 5 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 1 คน ลูกชาย 2 คน พราหมณ์สุเมธ พรหมชาติ ลูกชายคนที่ 3 และพราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ ลูกชายคนที่ 4 รับช่วงเป็นพราหมณ์ต่อ

และยังมีหลานชายอีก 3 คน เรียนรู้ และสามารถทำพิธีได้

ปี 2528 พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช และ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล ได้มาปรึกษาหารือบิดาปรึกษากันเรื่องดวงเมือง และมีความเห็นร่วมกันที่จะสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช และเริ่มสร้างกันตั้งแต่ปี 2528 นั้นเอง พราหมณ์แจ้ง เป็นคนทำพิธีพราหมณ์การสร้างหลักเมือง

ในการทำพิธีแต่ละครั้งแต่ละสถานที่ พี่ชายคือ พราหมณ์สุเมธ และพราหมณ์ศักดิ์ระพีจะเป็นพราหมณ์หลักในการทำพิธี ส่วนพราหมณ์แจ้งผู้เป็นพ่อ จะไปร่วมเฉพาะพิธีใหญ่ ที่เรียกกันว่าพิธีมหาพุทธาภิเษก หรือมหาเทวาภิเษก เท่านั้น

“พ่ออายุมากและสุขภาพไม่เอื้ออำนวย” พราหมณ์ศักดิ์ระพีว่า

พราหมณ์ศักดิ์ระพีบอกว่า การทำพิธีการจัดสร้างจตุคามรามเทพทั่วประเทศ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของการจัดสร้างในปัจจุบัน ครอบครัวของตนเป็นผู้ทำพิธีพราหมณ์

“ตั้งแต่ต้นปี 2549 ยังไม่มีวันว่างเว้นแม้แต่วันเดียว”

คิวการทำพิธีขณะนี้มีไปจนถึงสิ้นปี 2552 พิธีที่ทำมากที่สุดคือที่วัด พระมหาธาตุวรมหาวิหาร และที่ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช

นอกจาก 2 แห่งนี้ ยังต้องเดินทางไปทำพิธีเกือบทุกจังหวัดของประเทศ รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน

คิวมากถึงขนาดนี้ จึงต้องมีการวางโปรแกรมการเดินทาง ให้สอดคล้องกับวันเวลา

ตั้งแต่ต้นปี พราหมณ์ศักดิ์ระพีทำพิธีให้กับบุคคลมีชื่อเสียงมากมายนายชวน หลีกภัย แม่เลี้ยงติ๊ก-นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นางระเบียบรัตน์ พงษ์พาณิช ดาราศิลปิน บุคคลสำคัญและคนมีชื่อเสียงมากมายจนจำไม่ไหว

แม้จะมีการจัดสร้างกันมาก แต่สร้างเท่าไหร่ก็ไม่พอ สร้างกี่รุ่นต่อกี่รุ่น คนเช่าบูชาไปหมดทุกรุ่น แต่ก็อยากขอเตือนผู้เกี่ยวข้อง อย่าทำให้ เสื่อมเสีย อย่าโลภให้มาก เพราะจะเข้าตำรา โลภมาก ลาภหาย”

พราหมณ์ศักดิ์ระพี ทิ้งท้ายให้คิด

หอพระอิศวร    ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรซึ่งเป็นเทพสูงสุดตามความเชื่อของพราหมณ์ลัทธิไศวนิกาย  ทางด้านใต้ของอาคารมีเสาชิงช้าสำหรับทำพิธีโล้ชิงช้าตามประเพณี  
      แต่เดิมใกล้ ๆ กับเสาชิงช้ามีโบสถ์พราหมณ์อยู่หลังหนึ่ง แต่ปัจจุบันผุพังลงจนไม่เหลือซากแล้ว  ภายในบริเวณโบสถ์เป็นแหล่งที่พบชิ้นส่วนเทวรูปที่หหล่อด้วยสำริดอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๘-๒๕  หลายองค์ด้วยกัน  อาทิ  พระพิฆเนศวร พระศิวะนาฎราช พระอุมา และรูปหงส์ ซึ่งต่อมาได้ย้ายมาไว้ในหอพระอิศวรชั่วคราว จากนั้นทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเกรงว่าจะสูญหายไป จึงได้ย้ายมาเก็บรักษาไว้ในห้องจัดแสดงของทางพิพิธภัณฑ์  โดยหล่อรูปจำลองไว้แทนที่ในหอพระอิศวร